เวลาขับรถยนต์ Mazda เคยสงสัยมั้ยครับว่า ปุ่ม (ในภาพ) นี้มีไว้สำหรับอะไร? และใช้งานยังไง? ผู้อ่านบางคนอาจพูดว่า “ฉันไม่ได้แตะมันเพราะฉันไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง” ไม่เป็นไรครับ วันนี้ Mazda JP Blog จะมาอธิบายไขความสงสัยทุกท่านเอง!
Highlight Topic วันนี้
- MRCC คืออะไร?
- CTS คืออะไร?
- ความแตกต่าง?
- วิธีใช้งานฟังก์ชั่น MRCC
- วิธีใช้งานฟังก์ชั่น CTS
- ข้อควรระวัง
ก่อนอื่น ปุ่มชุดนี้คือ สวิตช์ที่ใช้ในการสั่งงานระบบ “MRCC (Mazda Radar Cruise Control)” และ “CTS (Cruise & Traffic Support)” ครับ
MRCC คืออะไร?
MRCC (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงของ Mazda “i-ACTIVSENSE” เป็นระบบที่
- ช่วยให้ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ด้วยความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และ
- รักษาระยะห่างระหว่างรถด้านหน้ากับรถเราให้คงที่ตามระยะที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ โดยใช้เรดาร์เซ็นเซอร์ด้านหน้าในการตรวจสอบระยะห่างจากรถคันหน้า
ทำให้คนขับไม่ต้องเหยียบแป้นคันเร่งหรือแป้นเบรกบ่อยๆ นับว่าเป็นระบบที่ช่วยลดภาระในการขับขี่
CTS คืออะไร?
CTS (ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า) คือระบบที่มีฟังก์ชันช่วยบังคับเลี้ยวเพิ่มเติมจากฟังก์ชัน MRCC โดยหากตรวจพบช่องจราจร ก็จะช่วยขับให้อยู่ภายในเส้นแบ่งเลน และหากตรวจไม่พบช่องจราจร ก็จะช่วยขับไปตามแนวเดียวกับรถข้างหน้า
ความแตกต่าง?
เมื่อมองแว๊บแรก MRCC และ CTS อาจดูเหมือนฟังก์ชั่นที่คล้ายคลึงกัน แต่สองระบบนี้มีข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ มีหรือไม่มีฟังก์ชันช่วยบังคับเลี้ยว นั่นเองครับ
ด้วยการใช้ทั้งสองฟังก์ชั่นนี้อย่างเหมาะสมในขณะขับขี่บนทางหลวง ทางด่วน หรือ มอเตอร์เวย์ จะทำให้คุณผู้ขับ ขับรถมาสด้าสนุกและสบายใจมากขึ้นครับ เพราะความถี่ในการใช้แป้นคันเร่งและแป้นเบรกของผู้ขับขี่จะลดลง ส่งผลให้ความเหนื่อยล้าในการขับขี่จะลดลงอย่างมากแม้จะขับขี่เป็นเวลานาน
เราแนะนำให้ใช้ [MRCC] เมื่อคุณต้องการบังคับพวงมาลัยด้วยตัวเองขณะเดินตามถนนบนทางหลวงหรือมอเตอร์เวย์
และแนะนำให้ใช้ [CTS] เมื่อคุณต้องการลดความเหนื่อยล้าด้วยการช่วยการทำงานของพวงมาลัยเมื่อขับตามทางหลวงหรือมอเตอร์เวย์
ต่อไปนี้เป็นวิธีการใช้งานระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ สำหรับรถยนต์รุ่น MAZDA CX-30 และ MAZDA3 (วิธีการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามรุ่น / รุ่นย่อย / ปี ดังนั้นโปรดศึกษาคู่มือการใช้งานเพิ่มเติม)
สวิตช์สำคัญในส่วนนี้จะมี 4 สวิตช์ได้แก่
- สวิตช์ “MRCC”
- สวิตช์ “CTS”
- สวิตช์ “RES”
- สวิตช์ “CANCEL”
โดย สวิตช์ “RES” และ สวิตช์ “CANCEL” มี 3 ทิศการทำงาน ได้แก่ กดตรงๆ — ดันขึ้น — ดันลง
■ วิธีใช้งานฟังก์ชั่น MRCC
1.เปิดระบบ
เมื่อกดสวิตช์ “MRCC” ระบบ MRCC จะเปิดขึ้นและเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย สัญลักษณ์ MRCC (สีขาว) จะติดสว่างขึ้นบนหน้าปัด
2.ตั้งค่าความเร็ว
ให้คุณเหยียบแป้นคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วรถไปยังความเร็วที่คุณต้องการก่อน โดยเงื่อนไขคือ ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
จากนั้นดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) หรือดันลง (SET-) เพื่อเริ่มการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อัตโนมัติ หากทำถูกต้อง หน้าจอจะแสดงความเร็วที่ตั้งค่าไว้ และสัญลักษณ์ MRCC (สีเขียว) จะสว่างขึ้น
3.ปรับความเร็วเพิ่ม/ลด
ความเร็วที่ตั้งไว้สามารถเปลี่ยนเป็นความเร็วที่เร็วขึ้นได้โดยดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) และดันลง (SET-)ลงเพื่อเปลี่ยนเป็นความเร็วที่ต่ำลง โดยหากดันสวิตช์ “RES” ขึ้น/ลง ค้างไว้ ความเร็วจะเปลี่ยนทีละ 5 กม./ชม.
4.ปลดฟังก์ชั่น MRCC ชั่วคราว และรีสตาร์ท
คุณสามารถปลด MRCC ชั่วคราวได้โดยการกดตรง สวิตช์ “CANCEL” หรือ แตะเบรก
จากนั้นหากต้องการรีสตาร์ท ให้กดตรง สวิตช์ “RES” เพื่อเริ่มต้นใช้ MRCC ที่ความเร็วรถที่ตั้งไว้อีกครั้ง
5.ปรับระยะห่างของรถคันหน้า
หากต้องการปรับระยะห่างของรถคันหน้า ให้ดัน “สวิตช์ CANCEL” ขึ้น / ลง การดันขึ้นจะเพิ่มระยะห่างระหว่างรถ และการดันลงจะทำให้ระยะห่างระหว่างรถสั้นลง
6.ปิดฟังก์ชั่น MRCC
หากต้องการปิดฟังก์ชัน ให้กดสวิตช์ “MRCC”
■ วิธีใช้งานฟังก์ชั่น CTS
1.เปิดระบบ
เมื่อกดสวิตช์ “CTS” ระบบ CTS จะเปิดขึ้นและเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย สัญลักษณ์ CTS (สีขาว) จะติดสว่างขึ้นบนหน้าปัด
2.ตั้งค่าความเร็ว
ให้คุณเหยียบแป้นคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วรถไปยังความเร็วที่คุณต้องการก่อน โดยเงื่อนไขคือ ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
จากนั้นดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) หรือดันลง (SET-) เพื่อเริ่มการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อัตโนมัติ หากทำถูกต้อง หน้าจอจะแสดงความเร็วที่ตั้งค่าไว้ และสัญลักษณ์ CTS (สีเขียว) จะสว่างขึ้น
นอกจากนี้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขทั้งหมดของฟังก์ชันระบบช่วยบังคับเลี้ยว ฟังก์ชันจะเปิดทำงาน จากนั้นระบบจะช่วยขับภายในเส้นแบ่งเลนหากตรวจพบช่องจราจร และช่วยขับไปตามเส้นทางการขับขี่ของรถคันด้านหน้ากรณีตรวจไม่พบช่องจราจร
หากต้องการเปลี่ยนความเร็วที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกับ MRCC ให้ดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) เพื่อเร่งความเร็ว และดันลง (SET-) เพื่อชะลอ (โดยหากดันสวิตช์ “RES” ขึ้น/ลง ค้างไว้ ความเร็วจะเปลี่ยนทีละ 5 กม./ชม.)
และเช่นเดียวกับ MRCC หากต้องการปรับระยะห่างของรถคันหน้า ให้ดัน “สวิตช์ CANCEL” ขึ้น / ลง การดันขึ้นจะเพิ่มระยะห่างระหว่างรถ และการดันลงจะทำให้ระยะห่างระหว่างรถสั้นลง
นอกจากนี้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจาก MRCC เป็น CTS หรือจาก CTS เป็น MRCC ในขณะขับรถได้อีกด้วย
3.ปิดฟังก์ชั่น CTS
หากต้องการปิดฟังก์ชัน ให้กดสวิตช์ “CTS”
■ ข้อควรระวัง
ทั้งนี้เราขออนุญาตเตือนผู้ขับขี่ครับว่า ทั้งระบบ MRCC และ CTS จะทำงานขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ โดยอาจทำงานไม่ถูกต้องในบางสถานการณ์ เช่น
- รถคันข้างหน้ามีรูปร่างหรือผิวสัมผัส ไม่สะท้อนเรดาร์ได้ง่าย เช่นรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน
- สภาพอากาศไม่เหมาะสม (ฝน หิมะ หมอก ฯลฯ)
- สภาพถนนไม่ปกติ (โค้งหักศอกหลายโค้ง ทางลาดชัน ถนนลื่น ฯลฯ)
นอกจากนี้ระบบ MRCC และ CTS นับว่าเป็นระบบที่เชื่อถือว่า ผู้ขับขี่จะขับรถอย่างปลอดภัยและมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุในการขับขี่ ดังนั้นแต่ละฟังก์ชันจึงมีขีดจำกัดในการทำงานอยู่ครับ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในคู่มือการใช้งานรถยนต์จะมีคำเตือนทุกท่านว่า “อย่าพึ่งพาระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (CTS) มากเกินไป” และคาดหวังให้ทุกท่านจะพยายามขับขี่อย่างปลอดภัยครับ
เอาล่ะครับ ก็จบไปแล้วกับเนื้อหาในวันนี้ที่มุ่งหวังอยากให้ผู้เป็นเจ้าของรถมาสด้ารุ่น CX-30 และ Mazda3 ได้ขับขี่อย่างสนุกสนานและปลอดภัยมากขึ้นครับ ^^ หากท่านผู้อ่านพบว่าคอนเท้นนี้ดีและเป็นประโยชน์ ก็สามารถแชร์ต่อให้เพื่อนๆในกลุ่มได้รู้จักการใช้งานระบบ MRCC และ CTS กันได้นะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่กับ Mazda JP Blog ครับ!
Be a driver!
หากลูกค้าท่านใดสนใจออกรถมาสด้า สามารถสอบถามเข้ามาที่ช่องทางออนไลน์ หรือ ท่านสามารถเดินทางเข้ามาได้เลยที่โชว์รูมมาสด้า เจพี ทั้ง 2 สาขาได้เลยครับ
LINE: @mazdajp
สาขากาญจนาภิเษก
LINE: @mazdajpkp
Youtube : Mazda JP Channel
…
credit เนื้อหาและรูปภาพจาก https://blog.mazda.com/archive/20220228_01.html
เวลาขับรถยนต์ Mazda เคยสงสัยมั้ยครับว่า ปุ่ม (ในภาพ) นี้มีไว้สำหรับอะไร? และใช้งานยังไง? ผู้อ่านบางคนอาจพูดว่า “ฉันไม่ได้แตะมันเพราะฉันไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง” ไม่เป็นไรครับ วันนี้ Mazda JP Blog จะมาอธิบายไขความสงสัยทุกท่านเอง!
Highlight Topic วันนี้
- MRCC คืออะไร?
- CTS คืออะไร?
- ความแตกต่าง?
- วิธีใช้งานฟังก์ชั่น MRCC
- วิธีใช้งานฟังก์ชั่น CTS
- ข้อควรระวัง
ก่อนอื่น ปุ่มชุดนี้คือ สวิตช์ที่ใช้ในการสั่งงานระบบ “MRCC (Mazda Radar Cruise Control)” และ “CTS (Cruise & Traffic Support)” ครับ
MRCC คืออะไร?
MRCC (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงของ Mazda “i-ACTIVSENSE” เป็นระบบที่
- ช่วยให้ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ด้วยความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และ
- รักษาระยะห่างระหว่างรถด้านหน้ากับรถเราให้คงที่ตามระยะที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ โดยใช้เรดาร์เซ็นเซอร์ด้านหน้าในการตรวจสอบระยะห่างจากรถคันหน้า
ทำให้คนขับไม่ต้องเหยียบแป้นคันเร่งหรือแป้นเบรกบ่อยๆ นับว่าเป็นระบบที่ช่วยลดภาระในการขับขี่
CTS คืออะไร?
CTS (ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า) คือระบบที่มีฟังก์ชันช่วยบังคับเลี้ยวเพิ่มเติมจากฟังก์ชัน MRCC โดยหากตรวจพบช่องจราจร ก็จะช่วยขับให้อยู่ภายในเส้นแบ่งเลน และหากตรวจไม่พบช่องจราจร ก็จะช่วยขับไปตามแนวเดียวกับรถข้างหน้า
ความแตกต่าง?
เมื่อมองแว๊บแรก MRCC และ CTS อาจดูเหมือนฟังก์ชั่นที่คล้ายคลึงกัน แต่สองระบบนี้มีข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ มีหรือไม่มีฟังก์ชันช่วยบังคับเลี้ยว นั่นเองครับ
ด้วยการใช้ทั้งสองฟังก์ชั่นนี้อย่างเหมาะสมในขณะขับขี่บนทางหลวง ทางด่วน หรือ มอเตอร์เวย์ จะทำให้คุณผู้ขับ ขับรถมาสด้าสนุกและสบายใจมากขึ้นครับ เพราะความถี่ในการใช้แป้นคันเร่งและแป้นเบรกของผู้ขับขี่จะลดลง ส่งผลให้ความเหนื่อยล้าในการขับขี่จะลดลงอย่างมากแม้จะขับขี่เป็นเวลานาน
เราแนะนำให้ใช้ [MRCC] เมื่อคุณต้องการบังคับพวงมาลัยด้วยตัวเองขณะเดินตามถนนบนทางหลวงหรือมอเตอร์เวย์
และแนะนำให้ใช้ [CTS] เมื่อคุณต้องการลดความเหนื่อยล้าด้วยการช่วยการทำงานของพวงมาลัยเมื่อขับตามทางหลวงหรือมอเตอร์เวย์
ต่อไปนี้เป็นวิธีการใช้งานระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ สำหรับรถยนต์รุ่น MAZDA CX-30 และ MAZDA3 (วิธีการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามรุ่น / รุ่นย่อย / ปี ดังนั้นโปรดศึกษาคู่มือการใช้งานเพิ่มเติม)
สวิตช์สำคัญในส่วนนี้จะมี 4 สวิตช์ได้แก่
- สวิตช์ “MRCC”
- สวิตช์ “CTS”
- สวิตช์ “RES”
- สวิตช์ “CANCEL”
โดย สวิตช์ “RES” และ สวิตช์ “CANCEL” มี 3 ทิศการทำงาน ได้แก่ กดตรงๆ — ดันขึ้น — ดันลง
■ วิธีใช้งานฟังก์ชั่น MRCC
1.เปิดระบบ
เมื่อกดสวิตช์ “MRCC” ระบบ MRCC จะเปิดขึ้นและเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย สัญลักษณ์ MRCC (สีขาว) จะติดสว่างขึ้นบนหน้าปัด
2.ตั้งค่าความเร็ว
ให้คุณเหยียบแป้นคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วรถไปยังความเร็วที่คุณต้องการก่อน โดยเงื่อนไขคือ ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
จากนั้นดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) หรือดันลง (SET-) เพื่อเริ่มการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อัตโนมัติ หากทำถูกต้อง หน้าจอจะแสดงความเร็วที่ตั้งค่าไว้ และสัญลักษณ์ MRCC (สีเขียว) จะสว่างขึ้น
3.ปรับความเร็วเพิ่ม/ลด
ความเร็วที่ตั้งไว้สามารถเปลี่ยนเป็นความเร็วที่เร็วขึ้นได้โดยดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) และดันลง (SET-)ลงเพื่อเปลี่ยนเป็นความเร็วที่ต่ำลง โดยหากดันสวิตช์ “RES” ขึ้น/ลง ค้างไว้ ความเร็วจะเปลี่ยนทีละ 5 กม./ชม.
4.ปลดฟังก์ชั่น MRCC ชั่วคราว และรีสตาร์ท
คุณสามารถปลด MRCC ชั่วคราวได้โดยการกดตรง สวิตช์ “CANCEL” หรือ แตะเบรก
จากนั้นหากต้องการรีสตาร์ท ให้กดตรง สวิตช์ “RES” เพื่อเริ่มต้นใช้ MRCC ที่ความเร็วรถที่ตั้งไว้อีกครั้ง
5.ปรับระยะห่างของรถคันหน้า
หากต้องการปรับระยะห่างของรถคันหน้า ให้ดัน “สวิตช์ CANCEL” ขึ้น / ลง การดันขึ้นจะเพิ่มระยะห่างระหว่างรถ และการดันลงจะทำให้ระยะห่างระหว่างรถสั้นลง
6.ปิดฟังก์ชั่น MRCC
หากต้องการปิดฟังก์ชัน ให้กดสวิตช์ “MRCC”
■ วิธีใช้งานฟังก์ชั่น CTS
1.เปิดระบบ
เมื่อกดสวิตช์ “CTS” ระบบ CTS จะเปิดขึ้นและเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย สัญลักษณ์ CTS (สีขาว) จะติดสว่างขึ้นบนหน้าปัด
2.ตั้งค่าความเร็ว
ให้คุณเหยียบแป้นคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วรถไปยังความเร็วที่คุณต้องการก่อน โดยเงื่อนไขคือ ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป
จากนั้นดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) หรือดันลง (SET-) เพื่อเริ่มการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่อัตโนมัติ หากทำถูกต้อง หน้าจอจะแสดงความเร็วที่ตั้งค่าไว้ และสัญลักษณ์ CTS (สีเขียว) จะสว่างขึ้น
นอกจากนี้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขทั้งหมดของฟังก์ชันระบบช่วยบังคับเลี้ยว ฟังก์ชันจะเปิดทำงาน จากนั้นระบบจะช่วยขับภายในเส้นแบ่งเลนหากตรวจพบช่องจราจร และช่วยขับไปตามเส้นทางการขับขี่ของรถคันด้านหน้ากรณีตรวจไม่พบช่องจราจร
หากต้องการเปลี่ยนความเร็วที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกับ MRCC ให้ดันสวิตช์ “RES” ขึ้น (SET +) เพื่อเร่งความเร็ว และดันลง (SET-) เพื่อชะลอ (โดยหากดันสวิตช์ “RES” ขึ้น/ลง ค้างไว้ ความเร็วจะเปลี่ยนทีละ 5 กม./ชม.)
และเช่นเดียวกับ MRCC หากต้องการปรับระยะห่างของรถคันหน้า ให้ดัน “สวิตช์ CANCEL” ขึ้น / ลง การดันขึ้นจะเพิ่มระยะห่างระหว่างรถ และการดันลงจะทำให้ระยะห่างระหว่างรถสั้นลง
นอกจากนี้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจาก MRCC เป็น CTS หรือจาก CTS เป็น MRCC ในขณะขับรถได้อีกด้วย
3.ปิดฟังก์ชั่น CTS
หากต้องการปิดฟังก์ชัน ให้กดสวิตช์ “CTS”
■ ข้อควรระวัง
ทั้งนี้เราขออนุญาตเตือนผู้ขับขี่ครับว่า ทั้งระบบ MRCC และ CTS จะทำงานขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ โดยอาจทำงานไม่ถูกต้องในบางสถานการณ์ เช่น
- รถคันข้างหน้ามีรูปร่างหรือผิวสัมผัส ไม่สะท้อนเรดาร์ได้ง่าย เช่นรถจักรยานยนต์และรถจักรยาน
- สภาพอากาศไม่เหมาะสม (ฝน หิมะ หมอก ฯลฯ)
- สภาพถนนไม่ปกติ (โค้งหักศอกหลายโค้ง ทางลาดชัน ถนนลื่น ฯลฯ)
นอกจากนี้ระบบ MRCC และ CTS นับว่าเป็นระบบที่เชื่อถือว่า ผู้ขับขี่จะขับรถอย่างปลอดภัยและมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความเสียหายจากอุบัติเหตุในการขับขี่ ดังนั้นแต่ละฟังก์ชันจึงมีขีดจำกัดในการทำงานอยู่ครับ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในคู่มือการใช้งานรถยนต์จะมีคำเตือนทุกท่านว่า “อย่าพึ่งพาระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (CTS) มากเกินไป” และคาดหวังให้ทุกท่านจะพยายามขับขี่อย่างปลอดภัยครับ
เอาล่ะครับ ก็จบไปแล้วกับเนื้อหาในวันนี้ที่มุ่งหวังอยากให้ผู้เป็นเจ้าของรถมาสด้ารุ่น CX-30 และ Mazda3 ได้ขับขี่อย่างสนุกสนานและปลอดภัยมากขึ้นครับ ^^ หากท่านผู้อ่านพบว่าคอนเท้นนี้ดีและเป็นประโยชน์ ก็สามารถแชร์ต่อให้เพื่อนๆในกลุ่มได้รู้จักการใช้งานระบบ MRCC และ CTS กันได้นะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณครับ แล้วเจอกันใหม่กับ Mazda JP Blog ครับ!
Be a driver!
หากลูกค้าท่านใดสนใจออกรถมาสด้า สามารถสอบถามเข้ามาที่ช่องทางออนไลน์ หรือ ท่านสามารถเดินทางเข้ามาได้เลยที่โชว์รูมมาสด้า เจพี ทั้ง 2 สาขาได้เลยครับ
LINE: @mazdajp
สาขากาญจนาภิเษก
LINE: @mazdajpkp
Youtube : Mazda JP Channel
…
credit เนื้อหาและรูปภาพจาก https://blog.mazda.com/archive/20220228_01.html
โชว์รูม
มาสด้า เจพี
สาขา ประดิษฐ์มนูธรรม
(ใกล้ เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิล)
โทร 02-539-5222
LINE: @mazdajp
เพิ่มเติม >
โชว์รูม
มาสด้า เจพี
สาขา ประดิษฐ์มนูธรรม
(ใกล้ เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิล)
โทร 02-539-5222
LINE: @mazdajp
เพิ่มเติม >